Mechanical Keyboard สำหรับเกมเมอร์ gaming gear หรือคนทำงานที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์ คีย์บอร์ดถือเป็นหนึ่งไอเทมที่ขาดไม่ได้ gaming gear keyboard โดยประเภทคีย์บอร์ดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบันก็คือ Mechanical Keyboard หรือคีย์บอร์ดแบบกลไก และในบทความนี้เราจะมาเจาะลึกถึงรายละเอียดต่างๆ ว่ามีจุดเด่น และข้อดียังไง ทำไมถึงเป็นที่นิยมของเหล่าเกมเมอร์และคนทำงาน gaming
Mechanical Keyboard คืออะไร
Mechanical Keyboard คีย์บอร์ดกลไก หรือ แมคคานิคอลคีย์บอร์ด (Mechanical Keyboard) คือคีย์บอร์ดที่มีหน้าตาคล้ายกับคีย์บอร์ดทั่วไป แต่มีความต่างกันตรงที่กลไกของการทำงาน โดย Mechanical Keyboard จะทำงานโดยใช้ปุ่มตัวอักษรหรือคีย์แคป (Keycaps) ผ่านกลไกของสวิตซ์ (Switch) ที่เชื่อมต่อกับแผงวงจร (PCB) เพื่อป้อนข้อมูลไปยังคอมพิวเตอร์ ซึ่งการทำงานของสวิตซ์แต่ละแบบก็จะมีความแตกต่างกัน ให้สัมผัสการกดที่ไม่เหมือนกัน
นอกจากนี้ Mechanical Keyboard ยังมีความทนทาน เพราะใช้สปริงโลหะประกอบกับกลไกภายในปุ่ม ที่รองรับการกดได้มากกว่า 50 ล้านครั้ง และมีการใช้สวิทช์แยกกันในแต่ละปุ่ม ถ้าหากปุ่มใดปุ่มนึงเกิดความเสียหาย ก็สามารถถอดเปลี่ยนหรือซ่อมเฉพาะปุ่มที่เสียได้
ขนาดของ Mechanical Keyboard
Mechanical Keyboard ในปัจจุบันนั้นมีหลายขนาด สามารถแบ่งได้ตามจำนวน และการจัดวางของปุ่มคีย์แคป หรือที่เรียกว่า Layout มีทั้งแบบ Full-Size 100%, 75% และ 60% โดยขนาดของ Layout แต่ละประเภทก็จะมีจุดเด่นและหน้าตาที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคน ว่าเราเหมาะกับคีย์บอร์ดแบบไหน หรือชอบสไตล์ไหน gaming
คีย์บอร์ดขนาดเต็ม (Full-Size Keyboard)
Full-Size Keyboard หรือ Mechanical Keyboard Layout แบบ 100% คือคีย์บอร์ดขนาดมาตรฐานที่ใช้กันทั่วโลก และได้รับความนิยมมากที่สุด เหมาะกับผู้ใช้งานทั่วไป รวมไปถึงมือใหม่ที่ต้องการปุ่มฟังก์ชั่นที่ครบครันโดยจะมีจำนวนทั้งหมด 104 ปุ่ม มีครบทั้งปุ่มตัวอักษร ปุ่มตัวเลข ปุ่มลูกศร และปุ่มฟังก์ชั่นเสริมอื่นๆ เหมาะกับการใช้งานทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะพิมพ์งานหรือเล่นเกม gaming gear keyboard
คีย์บอร์ดไร้ปุ่มตัวเลข (Ten-Key-Less Keyboard : TKL)
Ten-Key-Less Keyboard (TKL) หรือ Mechanical Keyboard Layout แบบ 80% คือคีย์บอร์ดขนาดกลางที่ลดทอนส่วน Numpad หรือปุ่มตัวเลขออก โดยจะมีเพียง 87-88 ปุ่มด้วยขนาดที่เล็กลง แต่ยังสามารถใช้ฟังก์ชั่นที่จำเป็นได้ และยังทำให้จัดสรรพื้นที่บนโต๊ะได้มากขึ้น เรียกได้ว่าถูกใจสายเกมเมอร์และคนทำงานหลายๆ คน gaming gear keyboard
คีย์บอร์ดขนาดกะทัดรัด (Compact Keyboard)
Compact Keyboard หรือ Mechanical Keyboard Layout แบบ 60% คือคีย์บอร์ดขนาดเล็กที่สุด โดยจะมีการลดทอนในส่วนของปุ่มตัวเลข (Numpad) ปุ่มฟังก์ชัน F1-F12 ปุ่มลูกศร และปุ่มฟังก์ชั่นเสริมอื่นๆจุดเด่นของ Compact Keyboard คือการจัดวางปุ่มที่แนบชิดติดกัน ทำให้มีขนาดที่ใกล้เคียงกับคีย์บอร์ดบน Laptop ตามมาด้วยน้ำหนักที่น้อยลง พกพาได้สะดวกมากยิ่งขึ้น gaming
Keycab แป้นสำหรับการพิมพ์
Keycab หรือคีย์แคป คือพลาสติกที่ครอบอยู่บนสวิตช์ เป็นส่วนที่สัมผัสกับนิ้วมือบ่อยที่สุด มีการสกรีนตัวอักษรไว้ที่ด้านบน เพื่อให้ผู้ใช้สามารถพิมพ์คำสั่งได้ตามต้องการ โดย Keycab สามารถแบ่งออกได้หลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งตามวัสดุที่ใช้ผลิต หรือขนาดความสูง
แบ่งตามวัสดุ
โดยวัสดุหลักๆ ในการผลิต Keycab จะมีทั้งพลาสติก ABS (Acrylonitrile Butadiene Styrene) ที่เป็นวัสดุพื้นฐาน มักพบเห็นได้ในคีย์บอร์ดทั่วไป เพราะมีราคาที่ไม่แพง น้ำหนักเบา และมีความยืดหยุ่นสูง แต่หากใช้งานเป็นระยะเวลานานอาจขึ้นเงาได้ง่าย gaming gear
อีกหนึ่งประเภทคือ PBT (Polybutylene Terephthalate) เป็นพลาสติกที่มีคุณภาพสูงกว่า ABS ให้ผิวสัมผัสที่มีความสาก ไม่ขึ้นเงาหากใช้ไปนานๆ แต่ก็มีข้อจำกัดคือความยืดหยุ่นที่น้อยกว่า และมีราคาที่สูงกว่า ABS
แบ่งตาม Profile หรือความสูง
อีกหนึ่งสิ่งที่จำแนกประเภทของ Keycab ก็คือ Profile หรือลักษณะทางกายภาพ ที่จะแตกต่างกันออกไปตามความสูงและต่ำ โดยจะแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะคือ High-Profile และ Low-Profileโดย Keycab แบบ High-Profile คือ Keycab ที่มีความสูงเท่ากับ Keyboard ทั่วไป ทำงานร่วมกับสวิตช์ขนาดมาตรฐาน เป็นที่นิยมกับในกลุ่มคนที่นิยมคีย์บอร์ดส่วน Keycab แบบ Low-Profile ถูกออกแบบมาให้มีความบาง ทำงานร่วมกับสวิตช์แบบ Low-Profile โดยเฉพาะ ทำให้ Keyboard ที่มี Keycab แบบ Low-Profile มีขนาดความสูงที่ต่ำกว่าปกติ ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ทำให้พกพาได้ง่าย และช่วยให้การพิมพ์งานถูกหลักสรีรศาสตร์มากขึ้น gaming gear keyboard
Mechanical Switch สวิตช์แบบกลไก
อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญมากๆ ใน Mechanical Keyboard ก็คือสวิตช์ ที่ใช้สำหรับส่งสัญญาณไปยังแผงวงจร ซึ่งสวิตซ์บน Mechanical Keyboard จะแบ่งประเภทตามสี โดยจะมี 3 สีหลักๆ ได้แก่ Red Switch (Linear), Blue Switch (Clicky) และ Brown Switch (Tactile) ซึ่งแต่ละสีจะมีกลไกการทำงานที่แตกต่างกัน ทำให้มีเสียง และสัมผัสในการกดที่ไม่เหมือนกัน
Red Switch
Key Switch ประเภท Linear แรงกดจังหวะเดียว โดยการทำงานของก้านปุ่มจะกดลงไปที่แผงวงจรโดยตรงทันที ทำให้การพิมพ์ตอบสนองได้ไว เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่คุ้นชินกับปุ่มที่ไม่อาศัยน้ำหนักในการกดเยอะ ปุ่มกดน้ำหนักเบา หรือมีข้อจำกัดทางด้านเสียง รวมไปถึงเหล่าเกมเมอร์ที่จำเป็นต้องกดปุ่มหลายปุ่มในการควบคุมขณะเล่นเกมอย่างรวดเร็ว gaming gear
Blue Switch
Key Switch ประเภท Clicky แรงกดสองจังหวะ ทำให้มีแรงต้านมากกว่าประเภทอื่นๆ จุดเด่นก็คือความสนุกในการกดที่คล้ายกับเครื่องพิมพ์ดีด และเมื่อกดใช้งานจะมีเสียงคลิก ใครที่เป็นสายเกมเมอร์ หรือชอบพิมพ์งานแบบมันส์ๆ สนุกๆ ต้องถูกใจมากแน่นอน
Brown Switch
Key Switch ประเภท Tactile แรงกดสองจังหวะ ออกแบบมาให้อยู่กึ่งกลางระหว่าง Linear ที่เป็น Red Switch กับ Clicky ของ Blue Switch โดยจะมีเสียงที่ทุ้มและเบากว่า Blue Switch เหมาะกับใครที่ชอบทางสายกลาง ไม่เงียบ แต่ก็ไม่ดังจนเกินไป และยังให้ความสนุกในการพิมพ์อยู่